วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หุ้นวัฐจักร


หุ้นวัฏจักรคืออะไร? ในตลาดหุ้นไทย เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้มากที่สุด จริงหรือ!!!

หุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นที่สามารถทำกำไรให้นักลงทุนได้มากที่สุด จริงหรือเปล่านั้น ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันในความหมายของ หุ้นวัฏจักร กันก่อนดีกว่าครับ

หุ้นวัฏจักรคืออะไร?

หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นของบริษัทที่มีผลกำไร ผลประกอบการ และราคาหุ้น ขึ้นลงตามแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจนั่นเองครับ ช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ หุ้นแบบนี้จะรุ่งเรืองมากๆ (จนอาจทำให้นักลงทุนบางท่านเผลอคิดไปว่ามันจะดีอย่างนั้นตลอดไป ) แต่ในทางกลับกัน ในช่วงที่เศรษฐกิจมันย่ำแย่ หุ้นวัฏจักรก็ร่อแร่ และมักจะตกต่ำสุดๆ เช่นกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า “วัฏจักร” นั่นแหละครับ

หุ้นวัฏจักร กับ หุ้นเติบโต ต่างกันอย่างไร? (Cyclical Stocks vs Growth Stocks)

หุ้นวัฏจักร กับ หุ้นเติบโต ต่างกันตรงที่ หุ้นเติบโตแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ แม้การเติบโตจะมีการชะลอตัวอยู่บ้าง แต่ผลประกอบการโดยรวมก็ยังคงสร้างกำไรออกมาอยู่เรื่อยๆ แต่สำหรับหุ้นวัฏจักรแล้วจะมีการผันผวนตามสภาพเศรษกิจสูงมากๆ ยามเศรษฐกิจแย่ ก็อาจจะประสบกับการขาดทุนหนัก ซึ่งก็แน่นอนว่า ราคาหุ้นก็ลงหนักเช่นกัน แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นผลประกอบการกลับมาดี และธุรกิจกำลังอยู่ช่วง peak ก็จะมีกำไรสูงมาก จนสามารถเปลี่ยนจากขาดทุนมาเป็นกำไรในชนิดที่เหนือความคาดหมายกันเลยทีเดียว

ประเภทของหุ้นวัฏจักร

สามารถแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักคือ

หุ้นสินค้าสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ตัวอย่างเช่น น้ำมัน ปิโตรเคมี แร่เหล็ก แร่สังกะสี ถ่านหิน เรือ เป็นต้นครับ หุ้นแบบนี้จะมีวัฏจักร ขึ้นลง ตามอุปสงค์ อย่างการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปทาน คือ จำนวนของผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรม เช่น การเพิ่มของจำนวนโรงกลั่นในธุรกิจปิโตรเคมี การเพิ่มขึ้นของจำนวนเรือในธุรกิจขนส่งทางทะเล เป็นต้นครับ
หุ้นสินค้าหรือบริการที่มีความต้องการผันผวนตามสภาพเศรษกิจ ตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ้มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รถยนต์ อิเลคทรอนิกส์ รวมไปถึง หุ้นธนาคาร บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ด้วยครับ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชะลอการซื้อได้ และแต่ล่ะเจ้าไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ทำให้ช่วงตกต่ำที่ผู้ผลิตมีเยอะ แต่ผู้ต้องการสินค้ามีน้อย(ชะลอการซื้อ) ทำให้มีการตัดราคากันได้ง่ายๆ

การลงทุนในหุ้นวัฏจักร

การเข้าซื้อหุ้นวัฏจักรนั้นจังหวะการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกจากนี้จะต้องอาศัยการค้นคว้าติดตามหุ้น และต้องมีความกล้าด้วย

การจะเลือกหุ้นวัฏจักร ให้ดูที่อุตสาหกรรม ที่มีแววว่ากำลังจะรุ่งก่อน หลังจากนั้นให้เลือกบริษัทที่เด่นๆ ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ที่มีความได้เปรี่ยบในการแข่งขันมากกว่าบริษัทอื่น เรียกว่ามีดีว่างั้นเถอะ

จากนั้นให้สังเกตุค่า P/E ยิ่งถ้ามีค่าสูง มันบ่งบอกว่าถึงจุดต่ำสุดของวงรอบธุรกิจแล้ว เพราะราคาหุ้นสูงแต่มีกำไรต่อหุ้นต่ำ แสดงว่าความสามารถในการทำกำไรมันน้อยลงแล้ว เมื่อประกอบกับช่วงตกต่ำยาวนานและรุนแรง จะทำให้อุตสาหกรรมนั้นๆ มีกำไรน้อยลงเรื่อยๆ บริษัทที่ไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ก็จะอยู่ไม่ได้ ล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ เช่นกัน อาจจะดูเลวร้าย แต่มันหมายถึงอุปทานได้ลดลงไปด้วย หลังจากนั้นวงจรขาขึ้นก็จะกลับม

ในทางกลับกัน ค่า P/E ต่ำ จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของช่วงขาขึ้น ธุรกิจกำลังอยู่ช่วง peak มักจะมีกำไรที่สูงมากทำให้ P/E ต่ำ ในเมื่อกำไรสูง ก็มีบริษัทใหญ่น้อยเปิดตัวเข้ามาชิงส่วนแบ่งเป็นจำนวนมาก หรือผลิตสินค้าหรือบริการออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปทานสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนำไปสู่จุดสิ้นสุดของช่วงขาขึ้นในที่สุด ตัวอย่างเช่น ช่วงปิโตรเคมีบูมก็สร้างโรงกลั่นกันเป็นการใหญ่ กว่าจะเสร็จก็ล้นตลาดกันพอดี หรือ เศรษกิจดีการส่งออกบูม เรือขนส่ง ไม่พอ ก็ลงทุนสั่งต่อเรือกันเป็นการใหญ่ กว่าจะเสร็จได้ ก็เรือล้น เกินความต้องการกันพอดีอีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าจังหวะการลงทุนในหุ้นวัฏจักรเป็นเรื่องสำคัญมาก เข้าถูกจังหวะก็วิ่งฉิวฟันกำไรได้ ในแบบที่ที่ว่าทิ้งหุ้นโตเร็วไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว แต่ถ้าพลาดล่ะก็ ต้องรอยาวกันเป็น 5-10 ปี กว่าที่ราคาหุ้นจะมาที่เดิม หุ้นวัฏจักรในตลาดหุ้นไทยก็มีให้เห็นอยู่หลายตัว ที่ชัดเจนก็หุ้นเดินเรือ อย่าง PSL และ TTA เป็นต้น

หุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้มากที่สุด จริงหรือ!

โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า หุ้นวัฏจักร ในตลาดหุ้นไทย เป็นหุ้นที่ทำกำไรได้มากที่สุด จริงครับ แต่เราต้องมอง cycle ของธุรกิจนั้นๆ ให้ขาดด้วย เพราะการขึ้นลงที่รุนแรงของมัน ถือเป็นดาบสองคมต่อนักลงทุนอย่างเราเช่นกันครับ

ถ้านักลงทุนเข้าใจในวงจรของธุรกิจนั้นเป็นอย่างดี และเข้าลงทุนได้ถูกจังหวะ ก็จะสามารถทำกำไรได้มากมายเลยทีเดียว แต่ก็อย่าลืมว่า เมื่อธุรกิจกำลังอยู่ช่วง Peak จะขึ้นแรงแค่ไหน เมื่อธุรกิจเข้าสู่ขาลงก็ลงแรงเช่นกัน ดังนั้น อย่าหลงหุ้น ติดหุ้น จนคิดไปเองว่าหุ้นวัฏจักรจะยังให้ผลกำไรไปเรื่อยๆ นานๆ

ทุกสรรพสิ่งไม่มีอะไร จีรัง ยั่งยืน เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ได้กำไรแล้วก็ออกมาก่อน ถึงหุ้นจะไปต่อก็ไม่เป็นไรเราได้กำไรไปแล้ว อย่าโลภเข้าไปซื้ออีก เกิดหุ้นลงหนัก กำไรที่ได้มาก็จะคืนตลาดเขาไปซะหมดไม่รู้ด้วยนา ดีไม่ดี ติดหุ้นออกไม่ทัน อาจต้องรอวัฏจักรรอบใหม่ เป็น 5 ปี 10 ปี (หรือนานกว่านั้น) กันเลยทีเดียว กว่าที่มันจะมาราคาเดิม ผมว่า เสียดาย ย่อมดีกว่า เสียใจ แน่นอนครับ

Credit by กัลยาณมิตรทางไลน์ค่ะ เฮง ๆ รวย ๆ ค่ะ การลงทุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น